มือใหม่ก็ดริปได้! แชร์วิธีดริปกาแฟยังไงให้อร่อยเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัว
22 เม.ย. 67

มือใหม่ก็ดริปได้! แชร์วิธีดริปกาแฟยังไงให้อร่อยเหมือนมีบาริสต้าส่วนตัว

 

สำหรับใครที่เป็นคอกาแฟ คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก “การดริปกาแฟ” เพราะการดริปกาแฟ ถือเป็นกรรมวิธีชงกาแฟยอดนิยมสายสโลว์ไลฟ์ นอกจากจะต้องใช้ความใจเย็นแล้ว ยังต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าการชงกาแฟแบบทั่วไป วันนี้พันธุ์ไทยจะพามาทำความรู้จักการดริปกาแฟ เริ่มตั้งแต่อุปกรณ์การดริป วิธีการดริปกาแฟแบบละเอียด ไปจนถึงทริคการดริปกาแฟขั้นเทพ ให้เหมือนมีบาริสต้ามาชงให้ยังไงยังงั้น

 

การดริปกาแฟคืออะไร

 

การดริปกาแฟ เป็นวิธีการชงกาแฟผ่านตัวกรองแบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งต้องใช้ความพิถีพิถันและตั้งใจในแต่ละขั้นตอน ดังนั้นจึงเหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบความรีบเร่ง แต่รักการดื่มด่ำกาแฟอย่างช้าๆ สัมผัสกลิ่นและรสชาติอย่างละเอียดลออ

 

ดริปกาแฟจึงถือเป็นหนึ่งในเสน่ห์ดึงดูดใจคนรักกาแฟสายชิลล์ที่ชื่นชอบความบริสุทธิ์ของกาแฟ โดยไม่ต้องการการปรุงแต่งมากนัก แต่ให้ความสำคัญกับกลิ่นหอมธรรมชาติและรสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด

 

การดริปกาแฟมอบสัมผัสที่แท้จริงของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งมีความหลากหลายอย่างมหาศาลจากแหล่งปลูกนานาทวีปทั่วโลก โดยแต่ละแหล่งปลูกก็จะมีรสชาติและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะถิ่น หากชอบกาแฟรสเปรี้ยวผสมกลิ่นผลไม้ ก็เลือกพันธุ์อาราบิกาจากเอธิโอเปีย แต่ถ้าชอบรสนัทตี้ผสมช็อกโกแลต ก็ต้องเป็นอาราบิกาจากบราซิล ซึ่งพันธุ์ไทยได้รวบรวมสินค้าเมื่อชงด้วยวิธีดริป รสชาติและกลิ่นหอมเฉพาะตัวเหล่านี้จะถูกสกัดออกมาได้อย่างชัดเจนมากกว่ากาแฟเมนูอื่นๆ

 

ดริปกาแฟจึงไม่ใช่แค่รสขมเข้ม แต่เป็นการเปิดประสบการณ์การดื่มกาแฟใหม่ให้คุณได้สัมผัสรสชาติอร่อยละมุนลิ้น เสมือนหนึ่งกำลังจิบไวน์หรือน้ำผลไม้เกรดพรีเมียม ทำให้การดื่มกาแฟกลายเป็นกิจวัตรอันน่าเพลิดเพลินได้ตลอดทั้งวัน

 

อุปกรณ์สำหรับดริปกาแฟ

 

อุปกรณ์สำหรับดริปกาแฟ

 

1. เครื่องบดกาแฟ (Coffee Grinder)

 

เครื่องบดกาแฟแบ่งออกเป็น 2 ชนิดด้วยกัน ได้แก่ บดแบบหมุนด้วยมือและบดแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้า

 

Blade Grinder

 

เป็นเครื่องบดกาแฟประเภทหนึ่งที่มีทั้งแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบบหมุนด้วยมือ โดยจุดเด่นของเครื่องบดแบบนี้คือราคาที่ถูก พกพาสะดวก และทำความสะอาดง่าย

 

อย่างไรก็ตาม ข้อเสียหลักของ Blade Grinder คือการบดที่ไม่สม่ำเสมอ เนื่องจากใบมีดจะตัดหรือบดเมล็ดกาแฟอย่างไม่เป็นระเบียบ ทำให้ได้ผงกาแฟที่มีขนาดผสมปนเปกันไปหมด ทั้งละเอียด หยาบ และขนาดกลาง ซึ่งความไม่สม่ำเสมอนี้อาจส่งผลต่อกลิ่นหอมและรสชาติของกาแฟ ทำให้รสชาติเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จางหรือเข้มขึ้นในทางที่ไม่ควรเป็น

 

Conical Burr Grinder

 

จุดเด่นของเครื่องบดชนิดนี้ คือ การบดที่สามารถควบคุมความละเอียดของผงกาแฟได้อย่างแม่นยำ ด้วยการใช้เฟืองบดแบบโคนิคัลสองชิ้น ซึ่งอาจเป็นวัสดุเซรามิกหรือโลหะก็ได้ ช่วยบดให้ได้ผงกาแฟที่มีขนาดละเอียดสม่ำเสมอกัน

 

เครื่องบดประเภทนี้มีทั้งแบบใช้มอเตอร์ไฟฟ้าและแบบหมุนด้วยมือ ตัวเลือกที่หลากหลายเหมาะสำหรับความต้องการใช้งานที่แตกต่างกัน แต่สิ่งสำคัญคือคุณสามารถปรับความละเอียดของผงกาแฟตามที่ต้องการได้

 

2. ดริปเปอร์และฟิลเตอร์กาแฟ (Dripper)

 

ดริปเปอร์ คือ ภาชนะส่วนบน ลักษณะคล้ายแก้วใช้สำหรับใส่กาแฟเพื่อดริป ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน ได้แก่

 

- เคมี้กซ์ (Chemex): เป็นดริปเปอร์ที่มีรูปทรงคล้ายกรวยแหลมด้านล่าง โดยมีปลายทะลุเป็นรูกว้าง และตัวกรวยเอียงทำมุม 60 องศา ซึ่งเป็นมุมที่เหมาะสมในการสกัดกาแฟ เพื่อให้ได้รสชาติดั้งเดิมของเมล็ดกาแฟอย่างครบถ้วน

 

- ดริปเปอร์ทรงกรวยตัด หรือทรงคางหมู (Trapezoid): ดริปเปอร์แบบนี้จะมีลักษณะคล้ายกรวยปากแตร แต่ส่วนปลายจะถูกตัดให้เหลือเพียงรูระบายน้ำขนาดเล็กประมาณ 1-3 รูเท่านั้น รูขนาดจิ๋วนี้จะทำหน้าที่เป็นจุดควบคุมอัตราการไหลของน้ำร้อนลงสู่ผงกาแฟบด ทำให้น้ำค่อยๆ แทรกซึมและไหลผ่านอย่างช้าๆ อย่างสม่ำเสมอ

 

- ทรงกระบอก หรือตะกร้า (Cylindrical Shape Dripper or Basket Shape): ดริปเปอร์แบบนี้จะมีลักษณะเป็นทรงกระบอกกลม หรือแบบหยักคล้ายตะกร้า โดยที่ปลายล่างจะมีรูระบายน้ำขนาดเล็กประมาณ 3 รู เพื่อควบคุมอัตราการไหลของน้ำร้อน แตกต่างจากทรงคางหมูที่มีรูเพียงรูเดียว จุดเด่นของดริปเปอร์ทรงกระบอก/ตะกร้า คือการที่ไม่มีที่พักน้ำค้างอยู่ภายในตัวดริปเปอร์ ทำให้สามารถควบคุมการไหลของน้ำร้อนผ่านผงกาแฟบดได้ง่ายขึ้น

 

3. กระดาษกรอง (Paper Filter)

 

กระดาษฟิลเตอร์ หรือกระดาษกรองมีให้เลือกทั้งหมด 3 ประเภท โดยให้เลือกใช้ตามลักษณะของดริปเปอร์

 

- กระดาษฟิลเตอร์ทรงกรวยปลายแหลม ใช้กับดริปเปอร์ทรงกรวย

- กระดาษฟิลเตอร์ทรงกรวยก้นตัด ใช้กับดริปเปอร์ทรงกรวยตัด (ทรงคางหมู)

- กระดาษฟิลเตอร์ทรงดอกไม้ (แบบหยัก) ใช้กับดริปเปอร์ทรงกระบอก หรือตะกร้า

 

4. ถ้วยหรือกาน้ำกาแฟ

 

กาน้ำที่ใช้สำหรับดริปกาแฟ จะต้องมีคอของกาที่มีลักษณะเรียวยาว โค้งมน และปลายแหลม เพื่อง่ายต่อการเท อีกทั้งยังสามารถควบคุมน้ำหนักและความช้าเร็วได้รินได้อีกด้วย

 

5. เครื่องชั่งและบีกเกอร์

 

เครื่องชั่งมีไว้สำหรับวัดปริมาณน้ำกาแฟที่ผ่านกระบวนการดริปมาแล้ว ให้ได้กาแฟดริปที่มอบรสชาติเข้มเต็มรสกาแฟ

 

6. โถรองดริป (Server)

 

โถรองดริปมักจะมีรูปทรงคล้ายเหยือกน้ำ ทำจากวัสดุแก้วใส เพื่อให้เราสามารถมองเห็นสีและความสวยงามของกาแฟที่หยดลงมาสู่โถได้อย่างชัดเจน นอกจากนี้ แก้วยังมีคุณสมบัติในการรักษาความร้อนของน้ำกาแฟได้เป็นอย่างดี ช่วยคงรสชาติและกลิ่นหอมของกาแฟให้คงอยู่ได้นานขึ้น

 

เมล็ดกาแฟ

 

การเลือกและเตรียมเมล็ดกาแฟ

 

1. ประเภทของเมล็ดกาแฟ

 

เลือกใช้เมล็ดกาแฟคั่วกลางหรือคั่วเข้ม ปริมาณเมล็ดกาแฟประมาณ 15-18 กรัม ต่อน้ำ 240 มิลลิลิตร บดด้วยเครื่องบดกาแฟให้ละเอียดพอสมควร อนุภาคไม่ควรบดละเอียดจนเกินไป

 

2. อัตราส่วนปริมาณกาแฟต่อน้ำ

 

โดยปกติการดริปกาแฟนั้น จะใช้กาแฟต่อน้ำในอัตราส่วน 1:15 กรัม อย่างไรก็ตาม อัตราส่วนนี้ไม่ใช่กฎเหล็กที่ตายตัว เนื่องจากสามารถปรับลดหรือเพิ่มได้ตามรสชาติที่ต้องการ หากต้องการดื่มกาแฟที่มีรสชาติเข้มข้น ให้ใช้น้ำในอัตราส่วนที่น้อยลง แต่หากอยากดื่มกาแฟที่มีรสชาติอ่อนกว่า สัมผัสเบา ๆ ให้เพิ่มอัตราส่วนของน้ำขึ้น ประมาณ 1:17 กรัมจะเหมาะสม

 

อุณหภูมิของน้ำ

 

อุณหภูมิของน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องให้ความสนใจ ควรเลือกใช้กาดริป (Drip Kettle) ที่มีเทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิ หรือซื้ออุปกรณ์วัดอุณหภูมิแยกต่างหากเพื่อวัดอุณหภูมิของน้ำก่อนดริปกาแฟ โดยอุณหภูมิที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 92 - 94 องศาเซลเซียส น้ำที่ร้อนจนเกินไปจะทำให้กาแฟมีรสชาติเข้มขึ้น

 

การเทน้ำและระยะเวลา

 

นี่เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ต้องหมั่นฝึกฝนและใช้ประสบการณ์ การเทน้ำอย่างมั่นคง ค่อยๆ เทและวนไปให้ทั่วผงกาแฟที่อยู่ภายในดริปเปอร์ มี 2 ความเร็วด้วยกัน ได้แก่

 

- น้ำไหลช้า หมายถึงใช้เวลาในการสกัดกาแฟนาน ทำให้กาแฟที่ได้มีรสเข้มขมมากกว่าปกติ

- น้ำไหลเร็ว หมายถึงใช้เวลาในการสกัดที่เร็วเกินไป ทำให้ได้กาแฟที่มีรสชาติอ่อนๆ ใสๆ แต่มีรสเปรี้ยวที่โดดเด่น

 

การดริปกาแฟ

 

วิธีการดริปกาแฟอย่างละเอียดและทริคการดริปขั้นเทพ

 

1. บดเมล็ดกาแฟ 20 กรัม ให้มีความละเอียดเท่ากับน้ำตาลทรายขาว

2. เตรียมน้ำร้อนปริมาณ 240 กรัม ตามอัตรส่วน 1:12

3. วางกระดาษกรองในที่ดริป แล้วรินน้ำร้อนผ่านเพื่อปรับอุณหภูมิอุปกรณ์

4. นำเมล็ดกาแฟบดที่เตรียมไว้ใส่ในกระดาษกรอง

5. เทน้ำร้อนประมาณ 3 รอบในปริมาณที่พอเปียกกาแฟทั่วถ้วย

 

ช่วงแรก Pre-infusion:

- รินน้ำจากกาลงบนผงกาแฟตรงกลาง แล้ววนออกด้านนอก ให้ผงกาแฟชุ่มน้ำ

- ค่อยๆ หยดน้ำ และเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ

- ใช้เวลาประมาณ 30-45 วินาทีแรก โดยน้ำจะยังไม่ค่อยไหลจากตัวกรอง

 

ช่วงกลาง:

- เร่งความเร็วและแรงในการเทน้ำให้ได้ปริมาณน้ำมากที่สุด

- น้ำกาแฟบนดริปเปอร์จะเป็นสีน้ำตาลทอง

- ค่อยๆ หยดจนน้ำกาแฟที่ได้เริ่มเจือจางลง น้ำจะไหลเร็วขึ้น

- ช่วงนี้ใช้น้ำประมาณ 150 มิลลิลิตร หรือจนถึงนาทีที่ 2

 

ช่วงท้าย:

- เบามือลง หยดน้ำช้าๆ จนครบปริมาณ

- สีน้ำกาแฟจะค่อยๆ เจือจางและใสขึ้น

- ช่วงนี้อยู่ประมาณนาทีที่ 2-3

- ค่อยๆ เทน้ำร้อนลงไปทีละน้อย โดยเริ่มจากขอบวนเข้าหากลางในลักษณะวงกลม

- ใช้เวลาประมาณ 2-3 นาทีทั้งหมด 3 ช่วง ในการดริปจนหมดถ้วย เมื่อกาแฟไหลออกหมดแล้วก็สามารถรินสิ่งค้างใต้กรองด้วยน้ำร้อนได้

 

เทคนิคการดริปที่ถูกวิธี

 

- ควบคุมอุณหภูมิน้ำร้อนให้อยู่ระหว่าง 92-96 องศาเซลเซียส

- การเทน้ำแบบเป็นวงกลมและสม่ำเสมอ จะทำให้น้ำกระจายตัวได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น

- ยิ่งเทน้ำลงลงตรงไหน กาแฟส่วนนั้นก็จะโดนสกัดออกมามากที่สุด ดังนั้นจึงควรเทให้เท่าๆ กัน

- ไม่ควรเขย่าหรือกดกาแฟในระหว่างดริป

- หลังดริปเสร็จแล้ว ควรรินเศษกากด้านล่างออกให้หมด

 

เคล็ดลับและข้อควรระวังในการดริป

 

- ควรใช้น้ำร้อนที่สะอาด ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติแปลกปลอม

- ปรับปริมาณน้ำและกาแฟให้เหมาะสมตามรสนิยมของตน

- น้ำยิ่งร้อนยิ่งสกัดกาแฟออกมาได้เยอะ

- คอยสังเกตเวลาและปริมาณในการดริป หากใช้เวลานานเกินไปกาแฟจะมีรสเปรี้ยว

- ทำความสะอาดอุปกรณ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อไม่ให้มีคราบกาแฟค้างที่อาจทำให้รสชาติเปลี่ยนไป

- ฝึกฝนบ่อยๆ จนเกิดความชำนาญ เทคนิคการดริปมีผลต่อรสชาติกาแฟมาก

 

ชวนให้ลองกาแฟดริปของพันธุ์ไทย 4 รสชาติ!

 

กาแฟพันธุ์ไทยอาราบิก้าชนิดดริป

 

พันธุ์ไทยขอเชิญชวนให้เหล่าคอกาแฟดริป มาดื่มด่ำกับกาแฟอาราบิก้ากัน เพียงแค่ดริปกาแฟแบบง่ายๆ ที่บ้าน ก็จะได้สัมผัสกับรสชาติของกาแฟดริปพันธุ์ไทย x ดอยตุง กาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ภายใต้โครงการพัฒนาดอยตุงฯ เบลนด์พิเศษเพื่อพันธุ์ไทย จนได้รสชาติและความหอมที่เป็นเอกลักษณ์ ชุดดริปกาแฟมือใหม่ มีทั้งหมด 4 รสชาติ ได้แก่

 

1. Dark Wood

 

กาแฟดริปจากเมล็ดกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับเข้มที่เต็มไปด้วยรสชาติที่ชวนค้นหา จุดเด่นของมันก็คือรสชาติโทนดาร์กช็อกโกแลต เข้ม แต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายโทนนัตตี้ และน้ำตาลทรายแดง เปรียบเสมือนการเดินทางในป่ายามค่ำคืน

 

2. Cedar Forest

 

กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลาง ให้กลิ่นอายความสดชื่นของใบสนและสมุนไพร แต่ก็ยังสัมผัสได้ถึงความเป็นช็อกโกแลต และน้ำตาลทรายแดง เปรียบเสมือนการเดินทางในป่าสนอันเขียวขจี

 

3. Tropical Fresh

 

กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลาง ให้รสชาติหวาน ชุ่มฉ่ำคล้ายน้ำผลไม้ ซึ่งให้รสชาติของผลพลัม และความหวานจากคาราเมลที่เป็นเอกลักษณ์ ทำให้เพิ่มความสดชื่นในการดื่มด่ำกาแฟ เปรียบเสมือนการเดินทางในป่าฝนที่อุดมสมบูรณ์

 

4. Creamy Hills

 

กาแฟดริปจากกาแฟอาราบิก้าคั่วระดับกลางถึงเข้มที่มีรสสัมผัสนุ่มนวลชวนฝัน มีกลิ่นอายอัลมอนด์ คาราเมล ใครที่ชอบอัลมอนด์ถูกใจสิ่งนี้ เมื่อดื่มไปแล้วจะให้ความรู้สีกที่เบา สบาย เปรียบเสมือนการเดินทางบนเนินเขาที่อบอุ่น

 

พอรู้วิธีดริปกาแฟแบบละเอียดกันแล้ว ก็อยากหาซื้อกาแฟมาดริปที่บ้านเลยใช่ไหมล่ะ พันธุ์ไทยมีทั้งเมล็ดกาแฟคั่วและชุดกาแฟดริปแบบสำเร็จรูป ไม่ต้องยุ่งยากในการดริป เพียงแค่มีกาน้ำร้อนและแก้วน้ำ คุณก็สามารถดริปกาแฟดื่มเองได้ที่บ้าน แบบไม่ต้องเดินทางไปคาเฟ่อีกต่อไป สามารถดูรายละเอียดสินค้าอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์พันธุ์ไทยและสามารถสั่งในแอปเดลิเวอรีได้แล้ววันนี้!

 

อ้างอิง:

- วิธีการดริปกาแฟ (Drip Coffee) ศิลปะบนกาแฟ | Nestle Dolce Gusto

- กาแฟดริป (Drip Coffee) เมนูชูโรง ตามต้นตำหรับคอกาแฟ

- เจาะลึกกาแฟดริป (Drip Coffee) ฉบับเริ่มต้นทำตามได้ step by step!